ไส้ใน
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
เทศน์พระ วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมเพราะว่าเรามีเหตุจำเป็นเห็นไหม ทำสามีจิกรรม วันนี้วันอุโบสถเพราะเราต้องอุโบสถ คำว่า ลงอุโบสถ เห็นไหม เราเข้าหมู่ เข้าหมู่แล้วนี่เวลาสวดปาฏิโมกข์ ตั้งแต่ปาราชิก ๔ เห็นไหม สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคีย์ ๓๐ สิ่งนี้แจงมา แจงมาเห็นไหม แจงมาว่าเพื่อพวกเราไม่ให้ห่างจากธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาเราบวชเห็นไหม เราบวชมาสงฆ์ยกเข้าหมู่ ยกเข้าหมู่มาเพื่ออะไรล่ะ ยกเข้าหมู่มาเห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอานนท์เห็นไหม ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเธอ ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเธอ เวลาเราศรัทธาความเชื่อ เราศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่เวลาเราบวชแล้วเห็นไหม เวลาบวชแล้วอะไรเป็นหลักล่ะ ในเมื่อธรรมวินัยจะเป็นศาสดาของเรา วันนี้วันอุโบสถ ในเมื่อเราต้องลงอุโบสถอยู่แล้วเพื่อเป็นสังฆกรรม สิ่งที่เป็นสังฆกรรมเป็นสามีจิกรรม เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์
การเข้าหมู่ คือ การทำความสะอาดของเราอยู่ตลอดเวลา ๑๕ วันที่เราจะมาทำความสะอาดของเรา จะเข้าหมู่กันที มาตรวจสอบกันทีว่าเรามีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง เรามีสิ่งใดเห็นไหม นี่ศีลด่าง ศีลพร้อย ศีลทะลุ มันทะลุด่างพร้อยไป ถ้ามันไม่ทะลุด่างพร้อยไป ดูซิ ดูเวลาพระเห็นไหม ล่วงราตรีนี่ผ้าขาด ถ้าผ้าขาดนี่เราต้องปะต้องชุนเห็นไหม เราต้องปะต้องชุนต้องดูแลต้องรักษา นี่บริขารของเราเห็นไหม ถ้าเราไม่ปะไม่ชุนของเรา นี่มันขาดราตรี ถ้าขาดราตรีไป เรามาลงอุโบสถ อุโบสถก็เพราะเหตุนี้ไง
แต่นี้อุโบสถมาฟังธรรมๆ เพราะอุโบสถเป็นธรรมและวินัย แต่ฟังธรรมๆ ฟังธรรมจากไหน ฟังธรรมจากหัวหน้าไง หัวหน้าที่เป็นผู้ควบคุมผู้ดูแลเห็นไหม เป็นหลักเป็นชัยของเรา ถ้าหลักชัยของเราแสดงธรรมๆ แสดงธรรมเพื่อหัวใจเห็นไหม ถ้าแสดงเพื่อหัวใจ ธรรมและวินัยนี่ ทำความสะอาดเห็นไหม ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เปรียบเหมือนทะเล เหมือนทะเลเห็นไหม มันจะซัดซาก ซัดความสกปรก ซัดทุกอย่างเข้าฝั่งหมดล่ะ คลื่นมันจะพัดทุกอย่างขึ้นฝั่ง มันไม่เอาไว้ในทะเลนั้นหรอก นอกไว้แต่ของมันหนักมันจมไปนั่น
นี่ไง เห็นไหม เราทำความสะอาดบริสุทธิ์ในเพศของเรา ในเพศของสมณะ แล้วเพศของสมณะนี่บวชมาแล้วบวชอะไร บวชร่างกายนี้ บวชความเป็นมนุษย์ของเราเห็นไหม จากฆราวาสมาเป็นพระ นี่เราบวชร่างกาย แต่ถ้ามันบวชหัวใจล่ะ หัวใจของเราเห็นไหม ทำความสะอาด ความสงบเสงี่ยมเห็นไหม สมณสารูปนี้เป็นสิ่งที่ปรารถนา โลกเขาเข้าใจได้
แต่เวลาเราบวชมาแล้ว เรามีครูมีอาจารย์เห็นไหม ครูบาอาจารย์นี่ บวชเห็นไหม หลวงตาท่านพูดประจำ โกนหัว โกนจนหนังหัวไม่มีนั่น ถ้าผ้าเหลือง ผ้าเหลืองมันก็อยู่ที่ร้านขายผ้าเหลืองเยอะแยะไป เวลาเราห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ผ้าธงชัยพระอรหันต์ๆ ห่มแล้วมีความสำนึกไหม ถ้าห่มแล้วมีความสำนึก เราห่มผ้าอย่างนี้แล้วนี่ เราทำสมควรกับความเป็นพระไหม ถ้าเราสมควรเป็นพระเห็นไหม ดูสิ กิจของสงฆ์เราควรทำอย่างใด
มันแทงใจตลอด ถ้าเรามีสติปัญญามันแทงใจตลอด มันเข้าหมู่ๆ มันเตือนกันตลอดเวลาเห็นไหม ถ้าเรากระทำสิ่งใดแล้วหมกเม็ดสิ่งใดไว้ เข้ามาในหมู่มันเก้อๆ เขินๆ มันเข้าไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันเข้าได้นะ เพราะอะไร ถ้าเป็นนานาสังวาส นานาสังวาสเพราะเหตุใด เพราะถือศีลสูงต่ำต่างกัน เวลาศีลถ้ามีความเห็นแตกต่างกัน นานาสังวาสเกิดจากการถือศีลแตกต่างกัน ถ้าความถือศีลแตกต่างกัน มันเกิดจากความสูงต่ำ มันไม่ยอมรับไง ถ้าความไม่ยอมรับเห็นไหม มันก็ไม่ร่วมอุโบสถ มันก็แยกเป็นหมู่เป็นคณะไป ถ้าแยกเป็นหมู่เป็นคณะไป นี่เห็นไหม สิ่งที่ขนาดว่าความเห็นต่างๆ นะ
แต่ถ้าเป็นความจริงล่ะ ความจริงรูปภายนอกรูปลักษณ์ก็ดูน่าสวยงามอยู่ เวลาภาวนานะ ภาวนามันภาวนาเพื่ออะไร เวลาเรามาปฏิบัติภาวนากัน ครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเห็นไหม เวลาท่านทุกข์ยากมาขนาดไหน เวลาท่านออกวิเวกของท่าน ประชาชนเขายังไม่มีหลักมีเกณฑ์ใครจะเชื่ออะไร ประชาชนยังไม่มีสิ่งตรวจสอบ เขาไม่ลงใจ พอเขาไม่ลงใจ ไปทำสิ่งใดนี่ สิ่งที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้ ที่มีปัจจัยเครื่องอาศัยพอสะดวกสบายอย่างนี้ มันเป็นเพราะอำนาจวาสนานะ
ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม ดูสิ บิณฑบาตเป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตรมาจากไหนล่ะ พระพุทธเจ้าเป็นคนบัญญัติไว้ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้นะ ในเมื่อบริษัท ๔ เขาเป็นเจ้าของศาสนา เขาอุ้มชูของเขา เขามีศรัทธาความเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขายังไม่มีศรัทธาความเชื่อในตัวเราหรอก ถ้าเขามีศรัทธาความเชื่อในตัวเรา เราเชื่อตัวเราได้ไหม เราเชื่อตัวเราได้หรือเปล่า เรายังเชื่อตัวเราไม่ได้เลย เรายังเชื่อหัวใจของเราไม่ได้เลย หัวใจของเรามันยังเร่ร่อนอยู่ หัวใจของเรายังแผดเผา ยังคลายพิษมาให้เราทุกข์ยากอยู่นี่ แม้แต่หัวใจของเรา เรายังเชื่อของเราไม่ได้เลย แล้วชาวบ้านเขาจะเชื่อได้ยังไง ชาวบ้านเขาไม่เชื่อเราหรอก แต่เขาเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขาเชื่อในรัตนตรัยของเขา เขาทำบุญกุศลของเขาเพื่ออำนาจวาสนาของเขา
ฉะนั้น เวลาที่เราบวชเป็นพระ เราเลี้ยงชีพเห็นไหม เลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง สิ่งนี้มันเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเราไง เราก็ได้พึ่งพาอาศัยไง เราได้พึ่งพาอาศัยเพื่อไปค้นคว้าในหัวใจของเราเห็นไหม ฆราวาสญาติโยมของเขา เขาก็หวังพึ่งพาอาศัยของเขา เขาหวังบุญกุศลของเขา เขาทำเพื่อตัวเขา เขาทำเพื่อหัวใจของเขา เขาหวังบุญกุศลของเขา
เราบิณฑบาตมาแล้ว เราได้ปัจจัยเครื่องอาศัยมาจากศรัทธาไทย แล้วเราทำสิ่งใดสมความเป็นสมณะไหม ถ้าเราทำสมกับความเป็นสมณะ มันก็เป็นสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ สมณะมันก็มีขั้นตอนของมันขึ้นไป มันละเอียด หยาบ แตกต่างกันไป ฉะนั้นหัวใจของเราหยาบๆ เห็นไหม เรามีสิ่งใดมาเห็นไหม ว่าสิ่งนี้มันเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งนี้เราทำแล้วมันถูกต้องชอบธรรมไปหมด
ไส้ในมันน่ะ ไส้ในมันสะอาดบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า ความลับไม่มีในโลกนะ ใครทำสิ่งใดไว้มันรู้ทั้งนั้น ไส้ใน ! ความผิวเผินอะไรมันก็รักษาได้ มันทำความสะอาดจากภายนอก ถ้าความสะอาดจากภายนอกเห็นไหม กิเลสมันร้ายกาจนักนะ มันแผดเผาอยู่ภายใน ถ้ามันแผดเผาอยู่ภายในเห็นไหม เรามีครูบาอาจารย์เห็นไหม สิ่งที่โลกเขาตื่นเต้นกัน มันเป็นเรื่องโลกๆ ปัจจัยเครื่องอาศัยมันของโลกนะ ตั้งสติสิ ดูสิ ไปดูโรงงานกลั่นสุราสิ กินจนตายก็ไม่หมด ไปดูคลังสินค้าสิ มันล้นเต็มอยู่นั่น ถ้าเราจะไปตื่นเต้น ดูซิ ของมันกองอยู่นั่น แล้วเราคนเดียวมันจะไปใช้อะไรมากมายขนาดนั้น ถ้ามันมีสติปัญญานะ มันก็ไม่เป็นเบี้ยล่างไม่เป็นเหยื่อ
มันเป็นเหยื่อไง อยากได้อยากดี อยากเป็นอย่างนั้น อยากได้อยากดีอยากเป็นอย่างนั้นไส้ในมันก็เน่า เพราะโมฆบุรุษตายเพราะลาภ มันมีลาภสักการะไง เห็นแก่ลาภเห็นแก่สักการะมันตายห่าหมดล่ะ มันตายห่าไปแล้วมันได้อะไรล่ะ ใจมันตายไหม มันตายเพราะกิเลสมันครอบงำไง แต่มันไม่ตายจริงสิ มันตายจากคุณงามความดี แต่มันยังรื่นเริงอยู่ มันเน่าในไง ไส้ในมันเน่า !
แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม นี่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านทำของท่าน เวลาท่านออกวิเวกของท่าน ท่านประพฤติปฏิบัติของท่านเห็นไหม ไม่มีสิ่งใดสมความปรารถนาทั้งนั้น แล้วสิ่งใดนะ ในเมื่อสังคมยังไม่เจริญใช่ไหม การคมนาคมก็ยังไม่สะดวก ทุกอย่างไม่มีหรอก ถ้าทุกอย่างไม่มีเห็นไหม ทุกอย่างไม่มีมันก็อาศัยจากชุมชนนั้น ถ้าชุมชนนั้นเขาเข้าใจผิด เขาเข้าใจผิดเห็นไหม ว่าพระปฏิบัติ พระกรรมฐาน แบบว่าถือศีลเห็นไหม ถือศีลที่ว่าไม่กินเนื้อสัตว์ไม่กินต่างๆ เขาก็จุนเจือได้แค่นั้น ที่จุนเจือนะ จุนเจือเพราะอะไร
เพราะเขาโดยสัญชาตญาณของชาวพุทธ เขาก็ต้องทำบุญกุศลของเขาเป็นเรื่องธรรมดา เราจะไม่ได้อะไรดังใจเราเลย ถ้าไม่มีอะไรดังใจเราเลยนี่ ท่านขวนขวายของท่านมาอย่างนั้น ถ้าท่านขวนขวายของท่านอย่างนั้น ท่านถึงทำคุณงามความดีของท่าน กลิ่นของศีล กลิ่นของคุณงามความดีของท่านนะ
ในปัจจุบันนี้ ในเรื่องศาสนานี่ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในบรรดาสัตว์ ๒ เท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด ในบรรดามนุษย์เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุดๆ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพุทธวิสัย พุทธกิจ ๕ ท่านทำคุณงามความดีมาทั้งนั้น ท่านทำคุณงามความดีมาตลอดล่ะ ที่ได้อยู่ได้อาศัยอยู่นี่เพราะอำนาจวาสนาบุญบารมีของท่านนะ เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่บริษัท ๔ เราเกิดมาแล้ว เราเกิดมา แต่เรามีสติมีปัญญา เรามีศรัทธาความเชื่อ เราจะค้นคว้าขวนขวายหาความจริง
ไอ้ของที่เราดูแลรักษากันอยู่นี้ มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย มันเป็นเรื่องโลก เป็นอาราม อารามิก ในเมื่อฆราวาสมาบวชเป็นพระ พระก็ต้องมีที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยในสมัยโบราณเห็นไหม เขาก็อยู่เรือนว่าง อยู่ป่าอยู่เขา ถึงเวลาจะเข้าพรรษาแล้วเขาก็เข้าไปอยู่ในที่มุงที่บัง สิ่งนี้มันเป็นที่อาศัย มันเป็นสมบัติของสงฆ์ สมบัติของสาธารณะ เราอยู่อาศัยเท่านั้น แต่เราอยู่อาศัยแล้วนี่ สิ่งที่ถ้าเป็นคุณงามความดี ถ้ามันไม่เน่าใน
ถ้ามันเน่าในเห็นไหม จะอยู่หรูๆ หราๆ จะอยู่ดีๆ งามๆ จะเลือก เวลาไปธุดงค์มานี่ ที่ไหนนี่ก็ไม่สมฐานะ นั่นก็ไม่สมฐานะ ไม่มีอะไรสมฐานะเอ็งเลย มันไม่สมฐานะกิเลส กิเลสมันเน่าใน มันใหญ่โตมาก ตัวมันจะครอบโลกธาตุ แล้วสิ่งที่ใช้สอยมันใช้สอยอะไร ก็ใช้สอยเพื่อบำรุงกิเลสไง เพราะเน่าใน เพราะจินตนาการของคนความคิดของคนมันไม่มีวันจบสิ้น ถ้ามันไม่จบสิ้นเห็นไหม เขาอยู่อาศัยเท่านั้น แล้วครูบาอาจารย์ท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านอยู่ของท่านมา ท่านบากบั่นของท่านมา มันเพราะอะไร
เพราะท่านไม่เน่าในไง ถ้าหัวใจเห็นไหม ถ้ามีศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมา มันดีจากภายใน ถ้ามันดีจากภายใน อะไรมันก็อยู่ได้ ครูบาอาจารย์ของเรานะ ที่ไหนก็ได้ ยังไงก็ได้ ขอให้สังคมสงฆ์ให้มันสงบระงับ ขอให้หมู่คณะมีสติปัญญา ขอให้หมู่คณะรักกัน ขอให้หมู่คณะมีความเห็นใจต่อกัน สมณะไม่เบียดเบียนกัน ถ้ามีการเบียดเบียนกันไม่ใช่สมณะ ถ้าไม่เบียดเบียนกัน แล้วเวลาครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการเบียดเบียนหรือเปล่า
อันนี้มันเบียดเบียนกิเลส เบียดเบียนนี่เบียดเบียนตัณหาความทะยานอยาก เบียดเบียนไอ้ความเหม็นเน่า ดูสิ ความเหม็นเน่าเห็นไหม ดูไส้หมูเวลาเขาทำความสะอาดเห็นไหม เขาล้าง เขาปลิ้นได้ เขาทำความสะอาด มาต้มเห็นไหม ต้มไส้หมู ต้มอะไร นี่เอามาใส่บาตรอร่อยนะ นี่ไง เวลาเน่ายังไงเขาก็ยังพลิกแพลง เขายังทำความสะอาดได้ แต่กิเลสมันนามธรรม มันอยู่ในใจ ใจก็เป็นนามธรรม แล้วพอมันเน่าในขึ้นมา มันเหม็นๆ ไหม มันเหม็นแต่คนคนนั้น แต่เวลาแสดงออกสู่ภายนอกจะให้มันหอมนะ
เวลามันหอม มันหอมเห็นไหม จะทำให้มันสะอาด จะให้ข้างนอกมันให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำให้มันผ่องใส ดูสิ เวลาจะไปไหนก็หรูๆ หราๆ จะไปอยู่ไหนก็อยู่แบบฟู่ๆ ฟ่าๆ อู้ฮูย ! พระเรานี้มีศักยภาพ ท่านมีบารมีของท่านมาก ไปไหนมีแต่คนเชิดชู แล้วถ้าไปไหนไปคนเดียวไปไม่เป็นนะ ไปไม่ได้ ถ้าไปไหน มันจะต่ำต้อย มันจะเคอะเขิน อู๊ย ! ถ้าจะไปไหนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ไปไหนมีขบวนใหญ่โต โอ้โฮ ! ทำไมมันมีศักยภาพขนาดนี้ ! ทำไมพระองค์นี้ท่านมีอำนาจวาสนาบารมีขนาดนี้ แต่ไม่รู้ข้างในมันเน่า ถ้ามันเน่าใน มันเน่าในเพราะไม่กล้าเผชิญกับสัจจะความจริงเห็นไหม
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จธุดงค์ที่ไหน ท่านไปคนเดียว แต่เวลาท่านเป็นศาสดาแล้ว ถ้าไปไหนมีพระเป็นห้าร้อยเป็นพันหนึ่ง อันนั้นต่อเมื่อในเมื่อจิตใจเป็นธรรมแล้วไง ถ้าจิตเป็นธรรมมันไม่มีสิ่งใดไปทำให้หัวใจนั้นสั่นไหวได้ ถ้าหัวใจไม่สั่นไหวนะ นี่ปาปมุติๆ ไง ปาปมุติไม่มีอาบัติ ไม่มีโทษ ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น ท่านเป็นปาปมุติ นี่อกุปปธรรมในหัวใจนั้น
ถ้าเป็นอกุปปธรรมในหัวใจนั้น มันถึงเป็นระบบ เป็นเหมือนโลจิสติกส์เห็นไหม เป็นการขับเคลื่อน ขับเคลื่อนใคร? เพราะใจของท่านสะอาดบริสุทธิ์แล้ว มันขับเคลื่อนไอ้พระที่มีกิเลสไง ไอ้ขับเคลื่อนที่ไอ้พระห้าร้อยพระพันที่อาศัยท่านไปนั่นน่ะ ออกพาไปวิเวก ออกไปเห็น ออกไปพิจารณาว่าสิ่งนั้นควรและไม่ควร ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ทำคุณงามความดีของเรา ถ้าคุณงามความดีของเราขึ้นมา มันสะอาดบริสุทธิ์มาแล้วเห็นไหม
ดูพระเรวตะๆ สิ พระเรวตะท่านชอบอยู่ป่า ท่านอยู่ของท่านองค์เดียวเห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไปเยี่ยมพระเรวตะ ทำไมพระเรวตะท่านอยู่ในป่าในเขาองค์เดียวท่านมีความสุขล่ะ ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องไปเมตตา ไปเยี่ยม ไปดูแลพระเรวตะล่ะ พระเรวตะอยู่ป่าอยู่เขา แล้วอยู่ป่าอยู่เขาเห็นไหม นี่พระที่มีคุณธรรมเห็นไหม นี่ปาปมุติๆ ไม่มีอาบัติ ท่านมีฤทธิ์ของท่าน
เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมพระเรวตะ พระเรวตะนะอยู่ป่าอยู่เขาองค์เดียว แต่ในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาเห็นไหม ด้วยฤทธิ์ของท่าน ท่านเนรมิตขึ้นมา โอ้โฮ ! มหาศาล นี้พอพระเข้าไปมันไม่มีกึ๋นเห็นไหม ก็บอกว่า อู้ฮู้ ! ไหนร่ำลือว่าพระเรวตะอยู่ป่าอยู่เขา เป็นผู้ที่มักน้อย เข้ามาในนี้ อู้ฮู้ ! วัดนี้ใหญ่โตไปหมดล่ะ
เนี่ยเห็นไหม ไอ้พวกเน่าใน ไอ้ในมันเน่า ไอ้ในมันเน่ามันก็จะดูแต่สิ่งที่วัตถุก่อสร้าง มันดูแต่ลาภสักการะ มันดูแต่ผลประโยชน์ของมันไง
แต่ด้วยคุณธรรม ด้วยหัวใจเห็นไหม ด้วยคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่จะเชิดชูพระเรวตะ พระเรวตะท่านอยู่ป่าอยู่เขาของท่านเห็นไหม อยู่ป่าอยู่เขาด้วยท่านเป็นพระอรหันต์นะ ท่านมีอภิญญาของท่าน เป็นพระอรหันต์มีอภิญญาด้วย ท่านเนรมิตของท่านได้ทั้งนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับแล้วท่านก็คลายออก มันก็เป็นเหมือนเดิม เหมือนต้นไม้อย่างนั้นเห็นไหม พวกที่ข้างในผ่องใส พวกที่ไม่เน่าใน ถ้าไส้ในมันไม่เน่า ไส้ในมันสะอาดบริสุทธิ์ มันสะอาดบริสุทธิ์จากทั้งข้างนอกและจากทั้งข้างใน
แต่ไอ้ของเรา เราเกิดมาอวิชชาๆ อวิชชาพาเกิดมันเน่าอยู่แล้ว เพราะอะไร เพราะมันพร่อง เพราะการพร่องอยู่มันถึงเคลื่อนไป ถ้ามันสมบูรณ์แล้วมันไม่มีการเคลื่อนไป นี่มันพร่องแล้วมันเคลื่อนไป เราบวชมาแล้วเราพยายามจะประพฤติปฏิบัติ พยายามจะทำหัวใจของเราให้สมบูรณ์ หัวใจของเราให้อิ่มเต็มขึ้นมา อิ่มเต็มขึ้นมาเห็นไหม
เรามีครูมีอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านทำเป็นตัวอย่างเห็นไหม ท่านทำเป็นตัวอย่าง ตัวอย่างก็ตัวอย่าง ถ้ามันไม่มีหัวใจที่เป็นคุณธรรม ไม่มีหัวใจที่เป็นธรรม มันมองไม่เห็นไง มองเหมือนกัน ตำตาอยู่นี่มันมองไม่ออก มันไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์สิ่งใด ไม่มีประโยชน์สิ่งใด แต่ครูบาอาจารย์ของเรา ดูสิ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำเห็นไหม นี่ข้อวัตรปฏิบัติมันมีประโยชน์ ประโยชน์คือให้ใจนั้นมันมีเครื่องอยู่ไง หัวใจนั้นมันเป็นนามธรรมมันจะเกาะอะไร ดูสิ เวลาเรากำหนดพุทโธๆ เห็นไหม มีคำบริกรรม ใช้ปัญญาอบรมสมาธิมันก็ดูความรู้สึกนึกคิดของเรา ถ้ามันจะเป็นความรู้สึก มันจะเป็นสมาธิขึ้นมา ก็ให้เป็นสมาธิตามความเป็นจริงนั้น
ถ้าสมาธิความเป็นจริงนั้นเห็นไหม มันพูดออกมา ผู้ที่เขาเป็นความจริงเขารู้ได้ไง ไม่ใช่พูดของเรา นี่มันเน่าใน อ้าปากมามันก็มีแต่กลิ่นเหม็น ดูสิ เวลาผู้ป่วยเห็นไหม เวลามันเน่า เวลามันอักเสบ เวลามันออกมา กลิ่นเหม็นไปทั้งนั้น มันเหม็นออกมาจากข้างใน มันไม่เป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงเห็นไหม ดูความจริง ถ้าพูดสิ่งใด ถ้าพูดความจริง ความจริงก็คือความจริง
นี้มันไม่เป็นความจริง ถ้าไม่เป็นความจริง เราทำความสงบของใจเข้ามาให้เป็นความจริงให้ได้ เรามีสติเห็นไหม เราตั้งสติของเรา แล้วกำหนดพุทโธของเรา ใช้ปัญญาอบรมสมาธิของเรา สถานที่ที่ใดก็แล้วแต่เห็นไหม มันไม่ได้ดั่งใจเราทุกๆ ที่หรอก เพราะอะไร เพราะฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงกันไป ดูสิ ในพรรษาขึ้นมา จำพรรษาๆ เพราะว่าชาวบ้านเขาทำไร่ไถนาของเขา เพื่อไม่ให้ไปเหยียบพืชไร่ของเขา ในเมื่อมันเป็นฤดูกาลทำไร่ไถนาของเขา พืชพรรณธัญญาหารมันก็เขียวขจีเห็นไหม เราอยู่ที่ไหนเราก็หลบในร่ม หลบในร่มแล้วเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาเห็นไหม อากาศมันก็เป็นอย่างหนึ่ง เวลาเขาเก็บเกี่ยวแล้ว หน้าที่เขาเก็บเขาเกี่ยวพืชเกษตรของเขา มันมีโกลาหลไปหมดล่ะ
แล้วเราออกเที่ยววิเวก ออกวิเวกของเราไปเห็นไหม แล้วฤดูหนาวของเรา ฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงไป เราบวชมา เราภาวนามา ในเมื่ออายุพรรษาก็มากขึ้น เวลาเรามากขึ้น ประสบการณ์ก็มากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้นเราก็หาหลบหลีกเอาสิ หาหลบหลีกเอา เพราะเราภาวนาเพื่อเอาหัวใจไง นี่ครูบาอาจารย์ของท่าน เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่กระต๊อบห้องหอมาทั้งนั้นนะ ประวัติหลวงปู่ขาว ประวัติหลวงปู่ชอบ ประวัติครูบาอาจารย์ ท่านอยู่กระต๊อบห้องหอมาทั้งนั้น แล้วท่านอยู่กระต๊อบห้องหอมาทั้งนั้น เวลาท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้ว ชื่อเสียงเกียรติศักดิ์เกียรติคุณของท่านทำไมมันขจรกระจายไปขนาดนั้น
แล้วเรา เราจะมาเอาอะไรกัน เราอยู่ของเราพออยู่พออาศัยเท่านั้น มันจะเลิศหรูไปขนาดไหน มันจะมีอะไรสมฐานะอะไรขนาดไหน มันไม่สมฐานะ มันไม่สมฐานะของกิเลสหรอก กิเลสไม่มีวันพอ เราอยู่เพื่อประพฤติปฏิบัติไง เราอยู่เพื่อหัวใจของเราไง ถ้าเราอยู่เพื่อหัวใจของเรานะ สิ่งใดมันไม่มีปัญหาเลย ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเพราะมันเน่าใน คายออกมามันก็เหม็น แล้วกลิ่นเหม็น กลิ่นอะไร มันเรียกร้องไอ้พวกแมลงวัน แมลงวันก็จะไปตอมแล้วก็บอกว่า เวลาคายออกมาแมลงวันตอม โอ้! มีชื่อเสียงนะ มันเห็นว่าแมลงวันนั้นเป็นคฤหัสถ์ มันเห็นแมลงวันนั้นเป็นการเชิดชู มุมมองมันเป็นอย่างนั้น
แต่เวลาความจริงเห็นไหม ครูบาอาจารย์เราท่านอยู่ด้วยความสงบระงับ ท่านอยู่ด้วยความวิเวกของท่าน ผู้ที่ปัญญาชน เขาค้นคว้าสนใจของเขา เขาเห็นถึงความสงบระงับอย่างนั้นแล้ว เขาเข้าไปสู่ครูบาอาจารย์อย่างนั้น มันจะมีคนสองคนมันก็เป็นประโยชน์นะ เพราะอะไร เขามีปัญญาของเขา เขาแยกแยะได้ว่าอะไรควรและไม่ควร พระต้องควรเป็นแบบนี้ ถ้าพระท่านเป็นแบบนี้เห็นไหม ท่านอยู่ของท่านด้วยความสงบระงับ ทำไมท่านอยู่ของท่านได้
ท่านอยู่ของท่านแล้วท่านมีความสุขจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ฤๅษีจะกินเหี้ยนะ ไปนั่งเคร่งนะ เหี้ยมันมา เข้ามาใกล้ๆ เดี๋ยวจะเอาค้อนขว้างหัวมัน จะเอาเหี้ยมากินไง เหี้ยมันก็เข้ามาใกล้ๆ ฤๅษีจะกินเหี้ย มันเน่าใน เพราะจะกินเขา ฤๅษีจะกินเหี้ย ฤๅษีจะฆ่าเหี้ย แล้วเหี้ยมันก็มาเคารพไง เข้าไป มันปาทีหลบใหญ่เลย สุดท้ายแล้วพอเหี้ยมันรู้ว่าฤๅษีนี้สักแต่ว่ารูปแบบ ข้างในหัวใจนั้นยังมักมาก ไม่เข้ามาใกล้อีกเลยเห็นไหม
นี่สมณะขี้ขอเห็นไหม ดูสิ พญานาคไปอยู่เขาแผ่พังพานเพื่อจะเอาความสงบระงับของเขา ภิกษุนั้นกลัวมาก แต่พญานาคเขามาด้วยสัมมาทิฏฐิ เขามาด้วยคุณงามความดีของเขา เขาอยากได้บุญกุศล ตัวเองก็ยังกลัวนะ ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ในธรรมบท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าถ้าเขามาให้ขอเขานะ ทุกอย่างให้ขอเขา ถ้ากลัวเขาไม่อยากให้เข้ามาให้ขอเขา เวลามานะ ขอกำไลเขา ขอเครื่องประดับกับเขา ขอเขาก็ให้เพราะเขารักของเขา เขาอยากได้บุญกุศลของเขา เขาให้
ขอ ขอจนเขาเบื่อ สมณะขี้ขอ ไม่อยากเข้าใกล้ เขาไปซะไกลเลย ไม่เข้ามาใกล้ ทั้งๆ ที่เขามาด้วยคุณงามความดี เขามาด้วยเจตนาที่ดี เขามาเห็นไหม เขามาอยากได้บุญกุศล บุญกุศลเห็นไหม เราไม่ต้องไปวอกแวกวอแวกับสิ่งใดทั้งสิ้น เขามานี่มันเป็นความเชื่อของเขา แล้วความเชื่อของคน ดูหัวใจเราสิ หัวใจของเรามันยังเรรวนขนาดนี้ แล้วหัวใจของเขา เขาจะไม่เรรวนเหรอ เราเป็นสมณะนะ เราบวชเป็นพระนะ เป็นพระมีศีล ๒๒๗ นะ เราต้องมั่นคงซิ
เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติแล้ว เราต้องปฏิบัติได้ซิ เวลาเราศึกษาแล้ว โอ๊ย มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา เราก็ทำได้สิ แล้วก็ทำจริงทำจังขึ้นมา จริง ๒ นาที ไอ้พวกไฟไหม้ฟาง
ครูบาอาจารย์ของเราท่านจริง จริงๆ นะ จริงต่อเนื่องเห็นไหม ผู้ใดปฏิบัติธรรม ถ้ามีจิตสงบแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี อย่างน้อยเป็นพระอนาคาถ้ามันจริง ถ้ามันจริงมันจริงๆ แต่ไอ้นี่ของเรามันไม่จริงไง มันไม่จริงเพราะมันเน่าใน เพราะเน่าในคือทำความสงบของใจไม่ได้ ถ้าทำความสงบใจของเราได้มันจะเน่าในได้ยังไง เพราะมันเน่าในมันถึงสงบไม่ได้ไง ถ้ามันสงบได้ความเน่ามันต้องหายไป ความเน่าจะเป็นความจริงขึ้นมา มันจะมีคำบริกรรมของมันขึ้นมา
ถ้าจิตเป็นสัมมาสมาธินี่ ความจริงเป็นอย่างนั้นมันไม่เน่า ไม่เน่ามันไม่มีสมุทัย ไม่มีสมุทัยถ้ามันยกขึ้นสู่วิปัสสนา มันจะเป็นความจริงของมันเห็นไหม ถ้าความจริงของมันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ มันจะเป็นประโยชน์กับใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นมันทำตามความจริงของเรา ทำความจริงของเรา เราทำเพื่อเรา สิ่งใดเป็นเรื่องของโลกธรรม โลกธรรม ๘ โลกธรรม ๘ วางไว้ โลกธรรม ๘ เราต้องอยู่กับเขานะ อยู่กับโลกโดยไม่ติดโลกไง เราต้องอยู่กับโลก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม เวลาภิกษุที่โดนโลกธรรมรุนแรงไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าถ้าเธอโดนโลกธรรมเบียดเบียนมากนัก อย่าน้อยเนื้อต่ำใจ ให้คิดถึงเราตถาคต ให้คิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครก็แล้วแต่ที่จะโดนโลกธรรม ๘ เบียดเบียน ไม่มีใครโดนเบียดเบียนเท่ากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วในประวัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม เพราะท่านเป็นศาสดา ท่านเป็นผู้เผยแผ่ ท่านเป็นผู้ปักธงพุทธศาสนา ในเมื่อลัทธิต่างๆ เจ้าลัทธิของเขาๆ มีอยู่แล้วนี่ แล้วคิดดูสิเราจะไปลบล้างเขาทั้งหมดเลย ลบล้างความเชื่อ ลบล้างลูกศิษย์ลูกหาของเขา เขาจะยอมได้อย่างไร เขายอมไม่ได้ เพราะว่าอะไร เพราะเขาไม่ใช่เป็นความจริงไง เขาไม่ใช่ศาสดา เขาไม่มีคุณธรรม ในเมื่อเขาตระหนี่ของเขา เพราะเขาเน่าในของเขา เขาถึงต้องหาหนทาง แต่จะทำก็กลัวคนอื่นจะติฉินนิทา เขาต้องหลบๆ หลีกๆ ต้องเป็นการเมือง ต้องทำสิ่งใดเห็นไหม
นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าเธอโดนโลกธรรมเบียดเบียนอย่าน้อยเนื้ออย่าต่ำใจ ให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เผชิญกับเรื่องนี้มามากที่สุด มากกว่าพวกเราที่เราโดนเห็นไหม เราไปโดนใคร โดนโลกธรรม ๘ เห็นไหม แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดนมาตลอด ฉะนั้นความโดนอย่างนั้น อยู่กับโลกโดยไม่ติดโลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ ปรารถนามาเพื่อสังคม ปรารถนามาเพื่อโลก
นี่โลกไม่เข้าใจ โลกก็เบียดเบียนเห็นไหม ความเบียดเบียนของโลก แต่มันไม่เข้าสะเทือนถึงปาปมุตอันนั้น ไม่สะเทือนถึงอกุปปธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าถึงสัจจะอันนั้นไม่ได้ แต่ท่านเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ ท่านทำเพื่อโลกไง ถ้าไม่เน่าในเป็นแบบนั้น ถ้าไส้ในมันไม่เน่า เห็นไหม เน่าในก็เป็นเรื่องหนึ่ง ไส้ในในไส้มันปกปิดไว้ คิดว่ามันจะปกปิดได้ไง ไอ้นั่นเป็นเรื่องของวัตถุนะ
แต่ถ้าเรื่องของนามธรรมๆ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ว่าเป็นเรื่องของจิตๆ มันละเอียดกว่านั้น สิ่งที่มันลึกลับซับซ้อนกว่านั้น ถ้าไม่ลึกลับซับซ้อนกว่านั้น นี่ธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเหนือโลกได้ยังไง สิ่งที่เหนือโลก ถ้าไม่ลึกลับซับซ้อนกว่านั้น ดูแต่ทางวิทยาศาสตร์เขา เครื่องจับเท็จต่างๆ เขาออกมาเพื่อจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงเห็นไหม แม้แต่จิตแพทย์เขาก็ยังขุดเรื่องความผิดพลาดความเจ็บป่วยในใจของคนได้ เรื่องของวิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์ได้อย่างนั้น แต่มันไม่มีเทคโนโลยีอันใดสามารถทำให้จิตบริสุทธิ์ได้ มันมีแต่มรรคญาณ มันมีศีล สมาธิ ปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราบวชมาๆ บวชมาเพื่อเหตุนี้ ! ในเมื่อบวชมาเพื่อเหตุนี้แล้ว เราพยายามสะสางของเรา เราพยายามดูแลหัวใจของเรา
เราบวชมาเป็นพระเห็นไหม ดูสิ สังคมกรรมฐานกำลังเจริญรุ่งเรืองเห็นไหม เรายังมีหมู่มีคณะนะ มีที่ปรึกษา มีที่ตรวจสอบกัน เราประพฤติปฏิบัติกันเพื่อเหตุนี้ไง เรายังมีหมู่มีคณะเพราะกึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่งเห็นไหม มันเจริญในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมันเจริญในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น แล้วหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นวางข้อวัตรปฏิบัติของเรานี่ มันมีแนวทาง มีที่ปฏิบัติทั้งนั้น เรามีช่องทางมา ช่องทางมาแล้วนี่ แล้วเวลาช่องทางมาก็คิดเอง เออเอง ถ้ามันเน่าในนะ มันหาแต่ฟืนแต่ไฟมาเผาตัวเอง พอทำสิ่งใด นั่งเข้าไป ๒ นาที ทุกคนก็ต้องเห็นความดีของฉัน จะทำอะไรมันเป็นเรื่องไร้สาระ
ความดีคือความดี เราทำความดีเพื่อเรา เห็นไหม ดูสิจริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน คนที่มีอุดมการณ์ เขาทำของเขา มีอุดมการณ์ แล้วเขามีเป้าหมายของเขา เขาทำต่อเนื่องของเขาเห็นไหม ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี เขาทำต่อเนื่องของเขา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตาท่านพูดประจำ หลวงปู่มั่นท่านถือผ้า ๓ ผืนตลอดชีวิต ธุดงควัตรหลวงปู่มั่นท่านถือหลายข้อ แล้วท่านทำชีวิตทั้งชีวิต
ฉะนั้น เวลาหลวงตาท่านพูดอย่างนั้นประจำ แล้วเวลาหลวงตาท่านเห็นไหม ท่านชราภาพขนาดไหน ท่านฉันในบาตรตลอดชีวิต ท่านทำของท่าน ป่วยไข้ยังไงท่านก็ลงมาศาลา ยังไงท่านก็ลงมาฉัน ยังไงท่านก็ทำให้เห็น ท่านทำให้กระทบดวงตาเอ็งเลย แต่ไม่พูด ท่านไม่โฆษณาตัวเอง ท่านไม่ยกย่องตัวเอง แต่ท่านยกย่องหลวงปู่มั่น ท่านยกย่องท่านเชิดชูครูบาอาจารย์ของท่าน แต่ท่านจะไม่บอกว่าท่านทำจริงทำจัง ท่านไม่พูด เวลาท่านพูด ท่านพูดถึงครูบาอาจารย์ของท่าน แต่เวลาท่านทำให้ใครดู ท่านทำเพื่อใคร แต่เราระลึกได้หรือเปล่าล่ะ
เราเห็นเป็นของเล็กน้อย ถ้าคนอื่นทำความดีเป็นของเล็กน้อย แต่ของเราแค่เม็ดทรายก็ว่าใหญ่โต จะทำอะไรนี่มันขยับไม่ได้เลยล่ะ กิเลสมันครอบงำมันเน่าจนเป็นมะเร็ง มันเน่าจนกลิ่นเหม็นไปหมด มันขยับไม่ได้ มันเป็นไตไปเลย แล้วมันก็ทิฏฐิมานะ แล้วมันคิดว่าคนอื่นไม่รู้นะ คนอื่นมองไม่เห็นนะ
จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ในใจของครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติมา ท่านเข้าใจถึงเรื่องของกิเลสได้ ครูบาอาจารย์ท่านเข้าใจเรื่องกิเลส ว่ากิเลสมันร้ายกาจขนาดไหน มันครอบงำใคร คนคนนั้นจะสำนึกตัวเองไม่ได้เลย แสดงออกไปโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แต่ไม่ได้คิดเลยว่าคนอื่นเขานั่งดูอยู่นี่ เขากำลังดูหนังดูละครที่เรากำลังแสดงอยู่ ท่านไม่ได้ดูหรอกว่าเรามีคุณธรรมสิ่งใด แต่เรายังเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นธรรม สิ่งนั้นเป็นธรรมนะ เวลากิเลสมันปิดตาเห็นไหม
แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรา ครูบาอาจารย์ของเรา คือ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นจริง ไอ้จานกระเบื้องไม่พูดถึงมัน ไอ้จานกระเบื้องที่ไหนมันก็มี ร้านขายเยอะแยะเลย ไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นแบบนั้น
ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม ท่านอยู่ของท่านด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ หลวงตาท่านพูดประจำว่า หลวงปู่มั่นท่านประหยัดมัธยัสถ์ของท่าน ท่านใช้สิ่งใด ท่านทำสิ่งใดแล้วพยายามจะให้ข้อวัตรติดหัวมันไปๆ ให้พระเรารู้จักสิ่งนั้น ถ้ารู้จักสิ่งนั้น ใช้ชีวิตแบบนั้น มันจะอาจหาญ มันจะรื่นเริง มันจะไม่เป็นเหยื่อใคร ไม่ไปจำนนกับใคร ไม่มีใครบงการชีวิตของผู้สมณะอย่างนั้นได้ สมณะอย่างนั้นจะเป็นอิสระ สมณะอย่างนั้นจะเป็นภราดรภาพ สมณะอย่างนั้นจะเคารพธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใครจะรู้ดีไปกว่าสมณะ ใครจะรู้ดีไปกว่าศากยบุตรพุทธชิโนรส ฉะนั้น เขาเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาถึงอยู่ในหลักในเกณฑ์นั้น แต่ฆราวาสญาติโยมของเขา เขามาด้วยอกุศลด้วยความไม่รู้จริง เขาก็อยากจะเชิดชู อยากจะอุปัฏฐากให้พระมีความสุขความสบายในมุมมองของโลกในมุมมองของเขา แต่ไม่ใช่มุมมองของธรรมและวินัย ไม่ใช่มุมมองของศากยบุตรพุทธชิโนรส
ถ้ามุมมองของศากยบุตรพุทธชิโนรสเห็นไหม อย่างหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านประหยัดมัธยัสถ์ของท่าน ท่านใช้ชีวิตของท่านด้วยความสุข วิหารธรรมในใจของท่าน ท่านมีคุณธรรมในใจของท่าน ในใจของท่านผ่องแผ้ว ในใจของท่านสว่างไสว ในใจของท่านมีแต่วิหารธรรม ไม่มีสิ่งใดตกค้างในใจของท่านเลย มีแต่เราเนี้ย ! เน่ากันอยู่อย่างเนี้ย ! ครูบาอาจารย์ท่านทำอย่างนั้น ฉะนั้นไส้ในปิดไม่มิดนะ ไส้ในปิดไม่มิดหรอก
ฉะนั้น ในไส้เราต้องดูแลของเรา ไส้ในในไส้เราจะทำความสะอาดในใจของเรา ดูแลเพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของเรา ถ้ามีความสะอาดบริสุทธิ์ของเรานะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีนะดูโลกสิ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เขาต้องพยายามขวนขวายของเขาเพื่อดำรงชีวิตของเขา เราเป็นชาวพุทธ เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วเราเชื่อมั่นในธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราบวชมาแล้วปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิตไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน ขาดอย่างเดียวความเพียร ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เราต้องมีความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เพราะเราเป็นพระ เราเป็นนักรบ เราจะรบกับกิเลสของเรา หน้าที่การงานของเรานะ เราจะรบกับกิเลสของเรา
ในเมื่อข้อวัตรปฏิบัติเราก็ทำของเรา ทำเพื่อหมู่คณะ เพื่อสิ่งเห็นไหม บอกว่ากิจของสงฆ์ๆ นี่กวาดลานเจดีย์เห็นไหม การทำความสะอาดในวัด วัจกุฎีวัตร ล้างส้วม ทำความสะอาดนี่กิจของสงฆ์ทั้งนั้น เพราะอะไร เพราะอารามใครเป็นคนดูแลล่ะ ก็สมณะในอารามนั้นเป็นผู้ดูแล ถ้าในอารามนั้นสมณะไม่ดูแล กิจของสงฆ์ไม่ได้ทำ ฆราวาสญาติโยมเขาเข้ามาในวัดเห็นไหม วัดเน่าในเห็นไหม ไม่มีข้อวัตร วัดร้าง สิ่งใดจะเป็นความสกปรกโสมมไปหมด จะใช้สอยสิ่งใดไม่ได้เลย
แต่ถ้ามันไม่เน่าในเห็นไหม เรามีกิจ เรามีการกระทำ คฤหัสถ์เขาเข้ามาในวัดเพื่อความร่มเย็นของเขา เขาเข้ามาใช้สอยสิ่งนั้น นี่ไง เขาเห็นได้นี่ว่า เอ้อ มันไม่เน่าใน มันสะอาดนะ มันล้าง พลิกไส้พลิกพุงออกมาล้าง ล้างด้วยข้อวัตรปฏิบัติเห็นไหม มันก็ไม่เน่าในไง ไส้ในมันก็สมบูรณ์ไง
มันก็เป็นการเชิดชูเห็นไหม เป็นเชิดชูใคร เชิดชูศาสนา เชิดชูธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเขาเข้ามาวัดแล้ว เขาก็ชื่นชมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าธรรมวินัยนี้เป็นศาสดา นี่คุ้มหัวไอ้พวกนี้ ไอ้พวกที่ดูแลรักษา เพราะเขาเชื่อฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาทำด้วยความเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วหัวใจของเขาก็จะผ่องแผ้ว เขาทำเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ในหัวใจของเขาสงบระงับ นี่น้อมลง อ่อนน้อมถ่อมตน ทำกิจของสงฆ์เพื่อหัวใจของเขา เอวัง
ยว